เนื่องจากยังไม่มีคีย์บอร์ดภาษาไทยครับเลยทดสอบพิมพ์ไทยไม่ได้ แต่ผมทดสอบโดยการเปิดไฟล์ที่มีเนื้อหาเป็นภาษาไทยผลปรากฎว่าเป็นสี่เหลี่ยมๆดังรูปครับสำหรับ word และ excel ส่วน Power Point กลับแสดงภาษาไทยได้ซะงั้น
Facebook
บน PlayBook จะมีแอพพลิเคชั่น Facebook ให้โหลดฟรีได้เลยครับหรือจะเปิดผ่าน Web Browser ก็ได้เหมือนกัน แต่หน้าตาจะไม่เหมือนกันเป็นแอพจะใช้ง่ายกว่า
หลังจากที่ทาง ASUS ได้เปิดตัว Transformer Prime TF201 ในไทยไปเมื่อวานนี้ทางเว็บก็ได้เครื่องมารีวิวพร้อมกันเลยครับ ผมต้องขออนุญาตเอาภาพจากงานเมื่อวานที่ถ่ายกลางแจ้งมาผสมกับในร่ม เพื่อจะได้เห็นสภาพการใช้งานในรูปแบบแตกต่างกันนะครับ
สำหรับ Transformer Prime เป็นแท็บเล็ตรุ่นที่สองต่อจาก Transformer ตัวแรก ซึ่งทาง ASUS ก็ยังคงแนวคิดเดิมคือสามารถประกอบกับคีย์บอร์ด Dock ได้ ช่วยตอบโจทย์ในส่วนการใช้งานด้านการพิมพ์ที่แท็บเล็ตยี่ห้ออื่นๆไม่ค่อยเน้นเท่าไร ซึ่งก็ถือเป็นจุดขายที่ทาง ASUS ดึงมาโปรโมทในรุ่นนี้
ด้านซ้ายของคียบอร์ด Dock จะมีช่องเสียบ Dock สำหรับเสียบที่ชาร์จ
ด้านขวาของ Dock จะมีช่องเสียบ SD การ์ดและ USB
คีย์บอร์ดภาษาไทยครับ
ตัวล็อคหน้าจอเหมือนกับรุ่นแรก
หน้าจอ
จากที่ผมเคยรีวิว Transformer รุ่นแรกไปแล้วพบว่าเวลาใช้งานนอกอาคารแทบจะมองไม่เห็นอะไรเลย แต่ในรุ่น TF201 นี้ก็ได้มีการเปลี่ยนไปใช้หน้าจอ Super IPS+ แทน ฟังดูน่าจะเจ๋งใช่ไหมครับมีทั้ง Super แล้ว + อีกอะไรจะขนาดนั้น แต่จริงๆแล้วก็แค่เพิ่มความสว่างเท่านั้นเองแหละครับ ผมพูดอย่างนี้ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ ถ้าให้เปรียบเทียบจอของ Transformer Prime กับยี่ห้ออื่นแล้วบอกได้เลยว่าคมและชัดกว่าหลายๆยี่ห้อ ซึ่งถ้าให้เทียบกับสุดยอดจออย่าง Super AMOLED Plus แล้วถือว่าสูสีดีคนละแบบ Super AMOLED Plus จะให้สีที่สดส่วน Super IPS+ จะคมและเป็นธรรมชาติ
ASUS Eee Pad Transformer Prime เป็นแท็บเล็ตที่อัพเกรดขึ้นมาจาก Transformer รุ่นแรก มีการปรับตัวเครื่องให้บางและเบาตามเทรนด์ในปัจจุบัน ส่วนชิปประมวลผลก็ใช้ตัวใหม่ล่าสุด ซึ่งจากที่ได้ทดสอบการใช้งานทั่วไปต้องยอมรับว่าเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในบางแอพ และการที่มีคีย์บอร์ด Dock ภาษาไทยติดมากับตัวเครื่องเลยก็ช่วยในการทำงานด้านเอกสารดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามยังตอบโจทย์ไม่ได้ทั้งหมดบางส่วนใช้แล้วอาจจะขัดใจเล็กน้อยไม่เหมือนกับที่เราใช้บนเครื่องคอมพิวเตอร์ อันนี้ก็ต้องให้ทาง Polaris เขาพัฒนากันต่อไป
ความพิเศษของ ASUS Eee Pad Transformer ที่โดดเด่นกว่าตัวอื่นๆ คือคีย์บอร์ดแยกที่คุณสามารถนำมาเชื่อมต่อเข้ากับตัวแท็บเล็ตเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน
แม้ทั่วไปวิธีการเรียงอักษรอาจจะเหมือนกับคีย์บอร์ดทั่วไป แต่คีย์บอร์ดของ ASUS Eee Pad Transformer มีความพิเศษอยู่ที่ ด้านบนจะมีปุ่มลัดสำหรับการใช้งานบน Android Honeycomb ประกอบไปด้วย
การเล่นอินเทอร์เน็ตของ ASUS Eee Pad Transformer นอกจากจะมีคีย์บอร์ด และเม้าส์ที่ช่วย ให้ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ยังรองรับการใช้งาน HTML หรือ Flash Player ได้ไม่แพ้โน้ตบุ๊คทั่วๆ ไป สำหรับการเชื่อมต่อ ASUS Eee Pad Transformer ทำได้ 2 ช่องทางคือทาง Wi-Fi, ทาง Aircard ผ่านการต่อ USB Host
กล้องของ ASUS Eee Pad Transformer แบ่งออกเป็น 2 ตัว คือกล้องด้านหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และกล้องหน้าความละเอียด 1 ล้านพิกเซล พร้อมใช้งานเป็นเว็บแคมในตัว โดยสามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ของกล้องได้ดังนี้
คุณสมบัติในการถ่ายภาพนิ่ง
ขนาดภาพถ่าย ปรับความละเอียดได้ : 2592 x 1944, 2048 x 1536, 1600 x 1200, 1024 x 768, 640 x 480 พิกเซล
– กล้องหน้าความละเอียด 1024 x 768, 640 x 480 พิกเซล
หน้าจอ SC-LCD ให้ภาพสวยคมชัด ผมลองใช้ Super AMOLED Plus ของ S II แล้วรู้สึกว่าสีมันเริ่มจะแสบตาเกินไปแล้วนะ แต่กรณีของ SC-LCD ถือว่ากำลังดี ไม่จัดจ้านไปเหมือนกับ Super AMOLED Plus โดยส่วนตัวผมชอบจอของ Galaxy R มากกว่าครับ (อย่างไรก็ตามเรื่องหน้าจอเป็นสิ่งที่ต้องไปลองทดสอบเองก่อนซื้ออยู่ดี)
ซอฟต์แวร์
Galaxy R ใช้ Android 2.3.4 พร้อมอินเทอร์เฟซ TouchWiz 4.0 รุ่นล่าสุด ตัวเดียวกับใน Galaxy S II
สเปกลดลงจาก S II หลายจุด ไม่ได้จอ Super AMOLED Plus (อันนี้แล้วแต่คนชอบ)
แอพกล้องทำงานช้า, คีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 3 แถว
คนที่ไม่ชอบหน้าตาของ TouchWiz ก็คงไม่ชอบอยู่ดี
ราคาเปิดตัวที่งาน TME อยู่ที่ 15,900 บาท พร้อมของแถมอีกจำนวนหนึ่ง อ่านรายละเอียดกันเองที่ Samsung Party (ไม่ได้ค่าโฆษณานะครับ)
โดยสรุปแล้ว ถ้าไม่ต้องการสเปกแรงสุดๆ แบบ S II ล่ะก็ Galaxy R เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากตัวหนึ่งเลยครับ เพราะสเปกส่วนที่ตัดออกไปก็ไม่ได้จำเป็นอะไรมากมายนัก ถ้ารออีกสักพักให้ราคาลดลงอีก คงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับมือถือราคาหมื่นกลางๆ ในตลาด
ประเด็นที่ไม่ได้ทดสอบ
แบตเตอรี่
เล่นเกม สมรรถนะของเครื่อง
GPS
กล้อง
ดูภาพกันเองง่ายกว่าครับ
สรุป
ข้อดี
วัสดุดูดี (เผลอๆ ดูดีกว่า S II)
ทำงานรวดเร็ว ตอบสนองทันใจ
Tegra 2 เล่นเกมได้เยอะ
จอภาพสวย
กล้องทำงานได้ดี
ได้ TouchWiz รุ่นใหม่ล่าสุด
ข้อเสีย
ตัวเครื่องมันใหญ่ไปนิด บางคนอาจไม่ชอบ
สเปกลดลงจาก S II หลายจุด ไม่ได้จอ Super AMOLED Plus (อันนี้แล้วแต่คนชอบ)
แอพกล้องทำงานช้า, คีย์บอร์ดภาษาไทยแบบ 3 แถว
คนที่ไม่ชอบหน้าตาของ TouchWiz ก็คงไม่ชอบอยู่ดี
ราคาเปิดตัวที่งาน TME อยู่ที่ 15,900 บาท พร้อมของแถมอีกจำนวนหนึ่ง อ่านรายละเอียดกันเองที่ Samsung Party (ไม่ได้ค่าโฆษณานะครับ)
โดยสรุปแล้ว ถ้าไม่ต้องการสเปกแรงสุดๆ แบบ S II ล่ะก็ Galaxy R เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากตัวหนึ่งเลยครับ เพราะสเปกส่วนที่ตัดออกไปก็ไม่ได้จำเป็นอะไรมากมายนัก ถ้ารออีกสักพักให้ราคาลดลงอีก คงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับมือถือราคาหมื่นกลางๆ ในตลาด
นอกจาก นี้ ยังมีการจัดอันดับแอพพลิเคชั่นประเภท Top Paid, Top Free, Top Grossing, Top New Paid, Top New Free และ Trending (แอพพลิเคชั่นที่เป็นที่นิยม) เพื่อเป็นทางเลือกในการใช้งานอีกเช่นกัน
สร้างและแก้ไขไฟล์เอกสารด้วย Quickoffice